ปกป้องผืนป่าในภูมิภาคอาเซียนช่วยยุติโลกร้อน
01 มีนาคม 2552
การรณรงค์โดยการแสดงละครล้อเลียนที่สถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในวันนี้ นักกิจกรรมของกรีนพีซสวมหน้ากากเป็นผู้นำอาเซียน และมีนักกิจกรรมสวมชุดอุรังอุตังเข้ามาแสดงความยินดีกับเหล่าผู้นำอาเซียน ซึ่งยืนอยู่ในท่าจับมือกัน และมีข้อตกลงร่วมกันในการปกป้องป่าไม้เพื่อยุติภาวะโลกร้อน ทำให้อุรังอุตังดีใจร่าเริงอยู่ข้างๆ กรีนพีซเรียกร้องให้ผู้นำอาเซียนประกาศหยุดการทำลายป่าทันที และมีข้อตกลงหยุดการทำลายป่าโดยสิ้นเชิงในภูมิภาคภายในพ.ศ. 2563
ชะอำ, ประเทศไทย — กรีนพีซวิพากษ์การประชุมสุดยอดอาเซียน ไร้วี่แววการปฏิบัติการเพื่อปกป้องป่าไม้ในภูมิภาคกว่า 283 ล้านเฮกเตอร์ (2,830,000 ตารางกิโลเมตร) และการยุติภัยคุกคามวิถีชีวิตของชุมชนในเขตป่าและความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งนี้ การทำลายป่าไม้อย่างรวดเร็วและขาดการตรวจสอบ ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมหาศาลและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกินควบคุมมากยิ่งขึ้น
การรณรงค์โดยการแสดงละครล้อเลียนวันนี้ นักกิจกรรมของกรีนพีซสวมหน้ากากเป็นผู้นำอาเซียน และมีนักกิจกรรมสวมชุดอุรังอุตังเข้ามาจับมือแสดงความยินดีกับเหล่าผู้นำอาเซียน ซึ่งยืนอยู่ในท่าจับมือกัน และมีข้อตกลงร่วมกันในการปกป้องป่าไม้เพื่อยุติภาวะโลกร้อน ทำให้ลิงอุรังอุตังร่าเริงดีใจ
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผืนป่าประมาณร้อยละ 16 ของพื้นที่ป่าเขตร้อนทั่วโลก แต่ก็เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการตัดไม้ทำลายป่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีอัตราการทำลายป่าสูงถึง 3.1 ล้านเฮกเตอร์(31,000 ตารางกิโลเมตร) ต่อปี นอกจากนี้ ประเทศอินโดนีเซียยังได้ถูกบันทึกไว้ในกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด ว่าเป็นประเทศที่มีการตัดไม้ทำลายป่าเร็วที่สุดในโลก
กรีนพีซเรียกร้องให้ผู้นำอาเซียนยอมรับข้อเสนอให้ยุติการตัดไม้ทำลายป่าในภูมิภาคนี้ โดยจะต้องยุติให้ได้ภายในปี 2563 “การตัดไม้ทำลายป่าทั่วโลกส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึงร้อยละ 20 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีพื้นที่ป่าเขตร้อนร้อยละ 16 ของพื้นที่ป่าทั่วโลก เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การยุติการทำลายป่าไม้จึงสำคัญอย่างยิ่ง เราหวังว่าผู้นำอาเซียนจะให้ความสนใจเรื่องการปกป้องคุ้มครองป่าไม้และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยยอมรับข้อเสนอของกรีนพีซในการผลักดันให้ประเทศอุตสาหกรรมจัดสรรงบประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญยูโรทุกๆ ปี ไปจนถึงปี 2563 เพื่อนำไปสนับสนุนให้เกิดการยุติการทำลายป่าในประเทศกำลังพัฒนา แต่ก่อนที่จะก้าวไปถึงข้อเสนอดังกล่าว สิ่งแรกที่อาเซียนจะต้องลงมือทำก็คือการประกาศข้อเสนอการหยุดทำลายป่าไม้” นายบุสตาร์ ไมทาร์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านป่าไม้ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว
"ข้อเสนอที่เป็นไปตามปกตินั้นสนับสนุนประเทศอุตสาหกรรม ที่สมควรเป็นผู้รับผิดชอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก โดยเปิดช่องให้เป็นผู้ทำลายและปรุงโลกใบนี้ให้ร้อนขึ้น"ธารา บัวคำศรีผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทยกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่า และจากความเสื่อมโทรมของป่าในประเทศกำลังพัฒนา (REDD) ควรจะมีข้อตกลงเกิดขึ้นในการเจรจาโลกร้อนที่โคเปนเฮเกน ข้อตกลงนี้ต้องรับประกันว่าจะปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งสิทธิของชุมชนพื้นเมือง โดยไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม และข้อตกลงนี้ต้องให้เงินทุนสนับสนุนการลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการยุติการทำลายป่าโดยสิ้นเชิง (Zero deforestation) ในประเทศกำลังพัฒนา ภายในปี 2563 ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 13 ที่บาหลี กรีนพีซได้ยื่นข้อเสนอกลไกการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและยุติการทำลายป่าเขตร้อน (www.greenpeace.org/forestsforclimate) กลไกดังกล่าวเป็นกองทุนที่เชื่อมโยงกับตลาดแบบลูกผสม (hybrid market-linked fund) องค์ประกอบดังกล่าวจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ทั้งทางด้านสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ว่าขีดความสามารถของประเทศต่างๆ จะอยู่ในระดับใดก็ตาม ป่าเขตร้อนสำคัญอย่างมากต่อสรรพชีวิต เนื่องจากช่วยรักษาสภาพภูมิอากาศ ระบบการไหลของน้ำ และ รักษาสมดุลของระบบนิเวศ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์พึ่งพิง ป่าไม้คือชีวิตของทุกสรรพสิ่งบนโลก เช่น อุรังอุตัง ช้าง เสือ และ เสือจากัวร์ ชนพื้นเมืองสูงสุดถึง 150 ล้านคนทั่วโลก อาศัยอยู่ในเขตป่า พวกเขาต้องมีอนาคตที่มั่นคง เพื่อที่จะสามารถเป็นผู้ปกป้องป่าได้ต่อไป หากแต่ละประเทศมีพันธะปกป้องผืนป่าของตนโดยประกาศใช้กฎหมายยุติการทำลายป่า พวกเราก็จะบรรลุผลดีถึง 3 ด้าน ทั้งต่อชุมชนท้องถิ่น ประชากรในผืนป่า สภาพภูมิอากาศ และ ความหลากหลายทางชีวภาพ “เป็นเวลาหลายปีที่ภูมิภาคอาเซียนได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง ดังนั้นผู้นำประเทศกลุ่มอาเซียนจึงต้องร่วมกันออกข้อเสนอที่กล้าแกร่ง เพื่อปกป้องประชาชนและเศรษฐกิจในภูมิภาคของตนจากมหันตภัยของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข้อเสนอที่เป็นไปตามปกติ (business as usual) นั้นสนับสนุนประเทศอุตสาหกรรม ที่สมควรเป็นผู้รับผิดชอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก โดยเปิดช่องให้เป็นผู้ทำลายและปรุงโลกใบนี้ให้ร้อนขึ้น” นายธารา บัวคำศรี ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว
— กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น